โบท๊อกซ์

ข้อดีของ Botulinum Toxin ที่มีดีกว่าการฉีดหน้า

รู้หรือไม่!? โบท็อกซ์ (Botox) ไม่ได้เพียงช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของการเสริมความงามเท่านั้น จริงๆ แล้วยังสามารถนำมารักษาปัญหากล้ามเนื้อ และโรคทางระบบประสาทได้อีกด้วย

ประวัติของ โบท็อกซ์ Botox

Botulinum Toxin หรือที่หลายๆ ท่านรู้จักกันดีในนามว่า ‘โบท็อกซ์ (Botox)’ ซึ่งแรกเริ่มได้มีการค้นพบต้นกำเนิดของสารพิษชนิดนี้ จากการระบาดของโรค ‘Botulism’ หรือสารพิษใน ‘ไส้กรอก’ (คำว่า Botulism มาจากรากศัพท์ละตินของคำว่า Botulas ที่แปลว่าไส้กรอก) ถูกค้นพบโดยสาธารณสุขจากเยอรมัน Justinus Kerner ช่วงยุคนโปเลียน (พ.ศ. 2338 - 2356)

ภาพ : Justinus Kerner สาธารณสุขจากเยอรมันที่ค้นพบ Botulism

สารพิษชนิดนี้จะออกฤทธิ์ในการทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราวได้ ซึ่งในขณะนั้นเองนาย Kerner ได้ทดลอง Botulinum Toxin กับสัตว์ และย้ายมาทดลองในตนเอง จากการสังเกตผลของการทดลองดังกล่าว สรุปได้ว่า การได้รับสาร Botulinum Toxin เพียงเล็กน้อย อาจใช้รักษาความผิดปกติต่างๆ ของระบบประสาทได้

ในช่วงเวลาถัดมาก็มีนักวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ ก็มีการค้นพบประโยชน์ของ Botulinum Toxin และได้ทำการต่อยอดเพื่อใช้สารสกัดดังกล่าวในการรักษาปัญหาโรคต่างๆ ทั้งในเรื่องของกล้ามเนื้อ และระบบประสาท เช่น

  • ในปี พ.ศ. 2438, Emile-Pierre van Ermengem นักจุลชีววิทยาชาวเบลเยี่ยม
  • ได้ค้นพบเพิ่มเติมว่า Botulism ที่ก่อให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ยับยั้งไม่ให้เหงื่อออกนั้น มาจากสารแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ‘Clostridium Botulinum’ ซึ่งในระยะเวลาต่อมาจึงได้ใช้เป็นชื่อเรียกสามัญโดยปริยาย
Emile-Pierre van Ermengem นักจุลชีววิทยาชาวเบลเยี่ยม

  • ในปี พ.ศ. 2513, Dr. Alan Brown Scott จักษุแพทย์ชาวอเมริกัน
  • ได้ทำการค้นคว้า และวิจัยร่วมกับ Dr. Edward J. Schantz นักชีวเคมี จากผลการค้นคว้าวิจัย และทดลอง พบว่าพิษของ Botulinum Toxin จากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium Botulinum สามารถช่วยรักษาอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อตาของมนุษย์ จึงช่วยแก้ไขอาการตาเหล่ ตาเข ได้
  • และไม่นานก็ได้ต่อยอดในการรักษาโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก โรคไมเกรน อาการเหงื่อออกมากผิดปกติ
ภาพ : Dr. Alan Brown Scott จักษุแพทย์ชาวอเมริกัน

  • ในปี พ.ศ. 2530 Dr. Jean/ Dr. J. Alastair Carruthers ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมพลาสติกและแพทย์ทางด้านโรคผิวหนัง
  • ได้ค้นพบว่าจากการทดลองของ Dr. Alan Brown Scott ผู้ป่วยที่มีอาการตาเหล่ ตาเข หลังทำการรักษาจนหายแล้ว รอยย่นบริเวณขมวดคิ้วก็ดูน้อยลงมากกว่าในช่วงก่อนทำการรักษา
  • จึงเริ่มทำการค้นคว้า และวิจัยเพิ่มเติมจากการสังเกตดังกล่าว จากนั้นแพทย์สองสามีภรรยาจึงได้ทำการตีพิมพ์รายงานวิจัยบทความทางการแพทย์ในปี พ.ศ. 2535 เกี่ยวกับ Botulinum Toxin ที่ใช้ในการรักษาเพื่อความงามเป็นครั้งแรก
Dr. Jean/ Dr. J. Alastair Carruthers ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมพลาสติกและแพทย์ทางด้านโรคผิวหนัง

โบท็อกซ์ (Botox) สามารถฉีดในจุดไหนได้บ้าง?

ด้านการเสริมความงาม

  • ฉีดบริเวณใบหน้า เพื่อลดริ้วรอย
  • ฉีดบริเวณกรอบหน้า เพื่อยกกระชับ
  • ฉีดบริเวณกราม เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม
  • ฉีดบริเวณกล้ามเนื้อน่อง เพื่อลดขนาดให้ขาเรียวสวย

ด้านการรักษาโรคทางการแพทย์

  • รักษาอาการตาเหล่ ตาเข หรือตากระตุก
  • รักษาโรคกล้ามเนื้อกระตุกซีกเดียว
  • รักษาโรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
  • รักษาโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  • รักษาโรคไมเกรนเรื้อรัง
  • รักษาโรคลิ้นหัวใจพิการ
  • รักษาโรค Office Syndrome

แม้ในปัจจุบันการใช้ Botulinum Toxin หรือโบท็อกซ์ (Botox) จะนิยมกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในเรื่องของการรักษาโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อต่างๆ รวมถึงนิยมในการเสริมความงาม ซึ่งแม้จะใช้ในปริมาณน้อยก็สามารถส่งผลข้างเคียงได้หากไม่ระวัง ที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่าจะเป็นการนำมาใช้ประโยชน์เพื่อแบบใดก็ตาม จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และดูแลโดยแพทย์ อีกทั้งต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

นอกจากนั้นสถานบริการต้องได้มาตรฐานคุณภาพ ตรวจเช็กผลิตภัณฑ์ได้อย่างโปร่งใส พร้อมค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล เช็กทุกข้อที่คุณควรทราบในการเลือกฉีดโบท็อกซ์ได้ในแอปพลิเคชันความงามที่รวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด ราคาดีที่สุด และเชื่อถือได้มากที่สุดเอาไว้ในแอปฯ เดียว อย่าง BEAUT โหลดเลย!

สวยชัวร์ ต้องตัวจริง โหลด BEAUT ได้แล้วที่

ระบบ IOS : https://apple.co/3dCcGgr 

ระบบ ANDROID : https://bit.ly/3LASLe9

โปรโมชั่นแนะนำ

ดาวน์โหลด BEAUT

สวยชัวร์ ต้องตัวจริง (ไม่จกตา)

บทความอื่น ๆ