เพราะ ‘ปาก’ ก็เป็นอีกจุดที่สำคัญบนใบหน้าไม่แพ้ส่วนอื่นๆ นอกจากนั้น ‘ปาก’ ยังถูกกำหนดไว้ในศาสตร์โหวงเฮ้งและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใบหน้ามีเสน่ห์มากขึ้นอีกด้วย สาวๆ บางคนอาจจะมีรูปทรงปากที่ยังไม่ได้ดั่งใจ เวลาจะแต่งหน้าก็ต้องใช้เทคนิคมากมายทำให้เสียเวลา มาเช็กให้ชัด ก่อนฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มรูปปากต้องไม่พลาดบทความนี้
หลายคนคงเคยได้ยินกันบ่อยๆ กับคำว่า ‘ฉีดปาก’ จริงๆ คือการ ‘ฉีดฟิลเลอร์ปาก’ นั่นเอง ซึ่งเป็นการเติมเต็มรูปปากแบบหนึ่งที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย โดยการใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือ HA โดยฉีดเพื่อเพิ่มเนื้อปาก และปรับขนาดโครงสร้างของริมฝีปาก ให้ได้รูปทรงเข้ากับใบหน้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากในปัจจุบันมีความสะดวกมากกว่าการผ่าตัดปากมาก เพราะเจ็บน้อยมาก ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น สามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้หลังฉีดทันที และที่สำคัญคืออยู่ได้นานประมาณ 8 - 12 เดือน (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
ปัจจุบันจะแบ่งเทรนด์การฉีดปากออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
เป็นการฉีดเพื่อเพิ่มเนื้อปาก และทรงปากให้อวบอิ่มมากยิ่งขึ้น ปากจะแลดูเบิร์น เจ่อ เน้นความเซ็กซี่ ซึ่งทรงปากแบบนี้จะเหมาะกับคนไทยที่มีเนื้อปากหนา โครงหน้าชัด หรือสไตล์การแต่งหน้า และแต่งตัวออกแนวสาย
เป็นการฉีดเติมเต็มทรงปากให้มีความกระจับคลายกับผลเชอร์รี่ ขับเน้นความอวบอิ่มของเนื้อปากเล็กน้อย เพิ่มส่วนที่เป็นกระจับให้แลดูจิ้มลิ้ม น่ารักอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนใหญ่ทรงปากนี้จึงเข้ากับโครงหน้าของคนไทยมากกว่า หรือเรียกทรงนี้ว่าปากกระจับรับทรัพย์นั่นเอง
เทคนิคในการฉีดของแพทย์นั้นส่วนใหญ่จะได้รับโจทย์ทรงปากที่คนไข้ต้องการ พร้อมประเมินปัญหารูปปากของคนไข้ เพื่อเติมเต็มหรือปรับแต่งให้เหมาะสมกับองค์รวมของใบหน้ามากที่สุด จากนั้นจึงเริ่มฉีดด้วยการเพิ่มเนื้อปากของคนไข้ทั้งส่วนบน, ส่วนล่าง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งที่ขาดหายไป โดยคำนวนสัดส่วนให้เหมาะสมตามความต้องการของคนไข้และเข้ากับใบหน้า และฟิลเลอร์ที่เลือกใช้นั้น จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์เป็นหลัก ว่าปัญหาของคนไข้ควรใช้เนื้อฟิลเลอร์ชนิดไหน
สำคัญเลย คือ ต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ความสวยที่คุณประทับใจมากที่สุดนั่นเอง
สรุปแล้วการเลือกฉีดฟิลเลอร์ปากต้องคำนึงถึงรูปทรงปากของคนไข้ และเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้การควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น