ตุ่มพวกนี้ไม่ใช่ 'สิว' แต่คือปัญหาผิวที่ไม่ควรมองข้าม

ลูบผิวหน้าแล้วสะดุดสาวๆ ก็มักจะคิดก่อนเลยว่า ‘ตุ่ม’ ที่เราเจอคือสิวใช่มั๊ยล่ะคะ แต่ต้องบอกว่าปัญหาผิวนั้นซับซ้อนกว่าที่เราคิด ในบางครั้งตุ่ม หรือผดผื่นที่ขึ้นบริเวณผิวหน้า และลำตัว ก็ไม่ได้เป็นสิวเสมอไป แต่เกิดจากปัจจัยอื่นๆ หรืออาจจะมาจากความผิดปกติของผิวหนังในด้านอื่นๆ วันนี้ BEAUT ยังขอพาไปดูตุ่มแต่ละชนิด ว่าถ้ามีลักษณะแบบนี้อาจจะเป็นโรคผิวหนังที่เป็นมากกว่าสิวก็ได้นะ 

‍

1) เซ็บเดิร์ม

เชื่อว่าใครๆ ก็ต่างต้องเคยมีลักษณะผิวที่เป็นขุยแดงๆ มีผื่นหรือตุ่มแดงๆ ขึ้นคล้ายเป็นสิวอักเสบ ในบางรายมีอาการคันร่วมด้วย แต่นั่นไม่ใช่สิวค่ะ เซ็บเดิร์ม หรือโรค Seborrheic Dermatitis เป็นภาวะผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมันในชั้นผิวหนัง ถือเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ยังไม่มีวิจัยที่รายงานสาเหตุอย่างแน่ชัด บริเวณที่มักจะเป็นเซ็บเดิร์มคือ ร่องข้างจมูก หน้าผาก โหนกแก้ม หัวคิ้ว หลังหูและคาง แต่รายงานทางการแพทย์ส่วนใหญ่บ่งชี้ไปในทิศทางที่ว่า เซ็บเดิร์ม มักจะเกิดจาก ยีสต์บนผิวหนัง ความเครียด และพันธุกรรม 

‍

‍

2) ผด

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าสิวผดกันมาบ้าง แต่ที่จริงแล้ว ‘ผด’ เฉยๆ ที่ไม่ใช่สิวก็มีนะสาวๆ ผดนั้นเกิดจากการที่ร่างกายขับเหงื่อออกมา และเหงื่อนี่เองคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดผดเพราะผดมักมีต้นเหตุมาจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ ข้อแตกต่างของผดกับสิวผดก็คือ หากมีอาการเป็นสิวร่วมด้วยแล้ว ตุ่มเล็กๆ นั้นจะมีหนองด้วย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทายาเพื่อดูแลผิว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ หยุดได้หยุดนะคะการซื้อยาจากอินเตอร์เน็ตมาดูแลเองเพราะอาจจะทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม

‍

‍

3) โรคแพ้เหงื่อตัวเอง

เช็กง่ายๆ ก่อนเลยค่ะว่าเรามีอาการนี้มั๊ย ถ้าตุ่มที่ขึ้นมาพร้อมอาการคัน และมักจะเกิดเวลาที่เหงื่อออกเช่น ช่วงออกกำลังกาย อากาศร้อน แม้จะอยู่ในที่ที่สะอาด หรืออากาศถ่ายเท่ เจ้าตุ่มเล็กๆ หรือบางรายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ก็จะขึ้นตามมาเสมอ นี่ไม่ใช่สิวแน่นอน แต่เป็นอาการของโรคแพ้เหงื่อกตัวเอง 

‍

แนวทางป้องกันการเกิดตุ่มคืออาบน้ำล้างคราบเหงื่อให้เร็วที่สุดเมื่อเหงื่อออก ปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาด้วยสารต้านฮิสตามีนในบางรายที่มีอาการแพ้มาก แพทย์อาจจะพิจารณาให้ทานยาร่วมด้วยเพื่อบรรเทาอาการ 

‍

‍

4) ฝี

เมื่อมีตุ่มอักเสบใหญ่ๆ หลายๆ คนก็คิดก่อนเลยว่านี่คือสิวหัวช้างรึป่าวน้า แต่อย่างไรก็ตาม BEAUT ไม่แนะนำให้บีบหรือแกะเองเด็ดขาดนะคะ เพราะตุ่มอักเสบที่ว่านั้นอาจจะเป็น ‘ฝี’ ก็ได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนสิว อันไหนฝี มาค่ะ BEAUT มีวิธีมาบอก 

• ข้อสังเกตอาการของฝี ลักษณะจะเป็นการอักเสบ บวม แดง จากเนื้อเยื้อที่ติดเชื้อ ส่วนใหญ่มักเป็นเชื้อแบคทีเรีย อาการมักมีไข้ร่วมด้วย รู้สึกไม่สบายตัว หนาวสั่น 
• อาการของสิวทั่วไป แม้การอักเสบจะมีมาก แต่ก็จะไม่ปวด การอักเสบจะมีอยู่เพียงระยะหนึ่ง หลังจากนั้นสิวจะค่อยๆ ฝ่อ หรือยุบตัวเอง 

อย่างไรก็ตามหากมีอาการอักเสบที่ผิวหนัง BEAUT แนะนำให้พบกับแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์ เพื่อวินิจฉัย และให้คำแนะนำ พร้อมรักษาโรคได้อย่างตรงจุด 

‍

‍

5) รูขุมขนอักเสบ 

สำหรับอาการนี้เรียกได้ว่า แทบจะเป็นฝาแฝดกับการเป็นสิวเลยค่ะ เพราะอาการจะเป็นตุ่มแดงบนร่างกายที่คล้ายสิวอักเสบมาก มักขึ้นหลายๆ ตุ่ม เกิดได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว ข้อสังเกตที่ทำให้รู้ว่านี่เรากำลังเป็นโรคผิวหนัง ไม่ใช่แค่สิวธรรมดาคือ รูขุมขนอักเสบจะมีการลุกลามไปส่วนอื่นๆ ได้ง่าย และมักจะพบในตำแหน่งที่เสียดสีบ่อย เช่น ขอบกางเกง ขอบยกทรง ขาหนีบ 

‍

‍

6) เนื้องอกของต่อมเหงื่อ

ชื่ออาจจะฟังดูร้ายแรง แต่ที่จริงแล้วภาษาที่ทุกคนนิยมใช้ทั่วไปคือ ‘สิวข้าวสาร หรือ สิวหิน’ แต่ที่จริงแล้ว อาการนี้ไม่ใช่สิวค่ะ เป็นอาการของโรคที่ชื่อว่า Syringoma ลักษณะผื่นสีเนื้อนูน เล็กๆจำนวนมาก มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยอาการนี้เหมือนเป็นหัวสิว ที่บีบเท่าไหร่ก็บีบไม่ออก แนะนำว่าควรรักษาด้วยการเลเซอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ 

‍

และนี่ก็คือตุ่มที่เป็นอาการใกล้เคียงกับสิว แต่จริงๆ แล้วผิวหนังนั้นบอบบาง และต้องการการดูแลที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทุกตุ่มจะเป็นสิวไปซะหมด ทางที่ดีปัญหาผิวต้องแก้ และรักษากับหมอผิวหนัง หรือแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ซึ่งแน่นอนว่า BEAUT APP ของเราสามารถที่จะทำความรู้จัก และเช็กประวัติแพทย์ได้ก่อนที่จะเข้ารับบริการ ใครทำสวยแล้วอยากรักษาผิวเพิ่ม ลองดูประวัติคุณหมอได้ที่หน้าหน้า Profile ของคลินิกก่อนเข้ารับบริการได้เลยค่ะ 

‍

สวยชัวร์ ต้องตัวจริง โหลด BEAUT ได้แล้วที่ 

ระบบ IOS : https://apple.co/3dCcGgr 

ระบบ ANDROID : https://bit.ly/3LASLe9