เมโสเทอราพี

'เมโสหน้าใส' ต่างกันอย่างไรกับ 'เลเซอร์หน้าใส' ทำร่วมกันได้มั้ย Beaut มีคำตอบ!

เมโสหน้าใสก็น่าทำ? หรือเลเซอร์หน้าใสก็อยากลอง? ถ้าอยากผิวไบร์ทแต่เลือกไม่ถูกแบบนี้ อ่านบทความนี้กันได้เลยค่ะว่าทั้งสองหัตถการเหมือนหรือต่าง? ทำร่วมกันได้มั้ย? แล้วแบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด BEAUT มีคำตอบ!

เมโสหน้าใส คืออะไร ช่วยอะไร ทำไมต้องทำ

‘เมโสหน้าใส’ หรือ ‘Mesotherapy’ เป็นการฉีดสารสกัดซึ่งสกัดมาจากวิตามิน โดยส่วนใหญ่จะเป็นวิตามินที่เป็นอาหารผิว เพื่อฟื้นบำรุงให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียน กระจ่างใส เป็นต้น จะฉีดเข้าไปที่บริเวณผิวหน้าชั้นหนังแท้ (Dermis) และการฉีดจะมีทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ดังนี้

  • ‘ฉีดเมโสสะกิดทั่วใบหน้า’ จะเป็นเทคนิคที่ใช้เข็มฉีดตัวยาเมโสสะกิดที่ผิวเบาๆ เป็นจุดเล็กๆ ทั่วใบหน้าในบริเวณผิวชั้นตื้น เพื่อกระจายตัวยาให้ไปกระตุ้น ซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ผิว
  • ‘ฉีด เมโส 16 จุด’ ซึ่งจะเป็นการฉีดตัวยาลงไปที่ผิวชั้นกลาง โดยฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง ซึ่งจะช่วยให้ตัววิตามินกระจายเข้าสู้ชั้นผิวได้ดียิ่งขึ้น ออกฤทธิ์ไวมากขึ้น และเห็นผลได้ดีกว่าเมโสแบบสะกิด

การทำเมโสหน้าใสจะเหมาะกับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาผิวมากนัก เช่น ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส หรือลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ ความหมองคล้ำ เพื่อปรับสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น แต่ก็มีข้อควรระวังในการทำคือ หลังทำทันทีอาจเกิดรอยแดงจากเข็มเป็นเวลา 1-3 วัน จากนั้นรอยเข็มจึงจะค่อยๆ หายไป และผลัพธ์หลังทำจะเห็นความเปลี่ยนแปลงประมาณ 2 สัปดาห์เป็นต้นไป

เลเซอร์หน้าใส คืออะไร ช่วยอะไร ทำไมต้องทำ

เลเซอร์หน้าใส คือ การปล่อยคลื่นแสงที่มีความเข้ม และความหนาแน่นสูงในระยะเวลาช่วงสั้นๆ โดยลำแสงเลเซอร์จะไม่ทำร้ายผิวหนังของเรา แต่พลังงานลำแสงจะดูดซับเม็ดสีที่ต้องการทำลาย และกำจัดออกไปตามกระบวนการของร่างกาย ซึ่งเลเซอร์ในปัจจุบันจะมีหลากหลายชนิดด้วยกัน เช่น Picosecond Laser, Q-Switch Laser ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมากระจ่างใส และในส่วนของเลเซอร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อกำจัดขนโดยเฉพาะ จะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวเล็กน้อยไปจนถึงผู้ที่มีปัญหาผิวมาก 

  • ปัญหาผิวเล็กน้อย เช่น ใบหน้าไม่กระจ่างใส, รอยแดงจากสิว, จุดด่างดำเล็กๆ
  • ปัญหาผิวมาก เช่น ฝ้าลึก กระลึก รอยดำจากสิว รวมถึงรอยสักด้วยนั่นเอง

นอกจากนั้นการทำเลเซอร์จะเหมาะกับผู้ที่กลัวเข็มไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ผลข้างเคียงจากการทำเลเซอร์ไม่มาก มีเพียงแค่รอยชมพูแดงจางๆ ที่ผิว ซึ่งภายในระยะเวลา 1 - 2 ชั่วโมง ก็จะจางหายไป แต่ข้อควรระวังหลังเลเซอร์ คือ อาจทำให้ผิวหน้าไวต่อแดดหรือระคายเคืองต่อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไวท์เทนนิ่งได้

ทั้งสองหัตถการสามารถทำร่วมกันได้หรือไม่?

ความแตกต่างของทั้งสองหัตถการไม่ว่าจะเป็น 'เมโสหน้าใส' กับ 'เลเซอร์หน้าใส' ต่างกันเพียงแค่เมโสเป็นทรีตเมนต์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเป็นการฉีดวิตามินเข้าไปซ่อมแซมผิว แต่เลเซอร์จะเป็นการรักษาตามอาการโดยใช้คลื่นลำแสงเข้มข้นในการจัดการเม็ดสี

ซึ่งหัตถการทั้งสองอย่างสามารถทำร่วมกันได้แต่ห้ามทำพร้อมกัน เพราะไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวอย่างมาก จนทำให้จากปังกลายเป็นพังได้เลยค่ะ ดังนั้นควรทำร่วมกันโดยเว้นระยะเพื่อให้ตัวยา และพลังงานเลเซอร์ได้ทำหน้าที่ของมัน ใบหน้าของเราก็จะแข็งแรง นุ่มลื่น เรียบเนียน กระจ่างใสน่าสัมผัสสุดๆ ไปเลย

โปรโมชั่นแนะนำ

ดาวน์โหลด BEAUT

สวยชัวร์ ต้องตัวจริง (ไม่จกตา)

บทความอื่น ๆ