อายุที่เพิ่มมากขึ้นปัญหาผิวมากมายยิ่งตามมา ไม่ว่าจะริ้วรอย ร่องลึก ความหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าองค์รวมแลดูมีอายุมากกว่าที่เคย ส่งผลให้หลายๆ ท่าน สูญเสียความมั่นใจในตนเอง เทคนิคศัลยกรรมดึงหน้าหรือ Face Lift จึงเป็นหนึ่งในเทคนิคการเสริมความงามที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า แล้ว Face Lift คืออะไร? เหมาะกับเราไหม? เจ็บหรือเปล่า? BEAUT รวบรวมทุกเรื่องที่คุณสงสัยเอาไว้แล้วในบทความนี้
ศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) คืออะไร?
ศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift หรือ Rhytidectomy) เป็นเทคนิคการศัลยกรรมยกกระชับเพื่อแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย และริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า ตั้งแต่บริเวณใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนกลาง และใบหน้าส่วนล่าง โดยแพทย์จะทำการวิเคราะห์ปัญหาความหย่อนคล้อยของคนไข้ พร้อมทั้งออกแบบรูปหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยกกระชับเหมาะสมกับคนไข้อย่างเป็นธรรมชาติ
แพทย์จะทำการผ่าตัดโดยการกำจัดไขมันส่วนเกินซึ่งสะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง และดึงกล้ามเนื้อให้กระชับ โดยกล้ามเนื้อที่เหมาะสำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าจะอยู่ลึกถึงชั้น SMAS หรือ Superficial Musculo Aponeurotic system ที่มีความลึกระดับ 4.5 mm จากผิวหนังชั้นนอกลงไป ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ยึดประสานระหว่างกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่างๆ บนใบหน้า ให้ผิวที่หย่อนคล้อยแลดูยกกระชับขึ้นนั่นเอง
ศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) ช่วยยกกระชับในจุดไหนบ้าง?
สามารถทำการยกกระชับได้ทั้งหมด 5 จุด ดังนี้
- บริเวณส่วนของขมับ หน้าผาก คิ้ว
- บริเวณส่วนของหางคิ้ว หางตา ร่องน้ำตา โหนกแก้ม
- บริเวณส่วนแก้ม ร่องแก้ม
- บริเวณส่วนของร่องน้ำหมาก กรอบคาง
- บริเวณช่วงลำคอ
ซึ่งเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าจะขึ้นอยู่กับการประเมินจากแพทย์ว่ามีความเหมาะสมในการทำส่วนใดประกอบกันเป็นหลัก ทั้งสามารถทำได้ทุกส่วนหรือเฉพาะส่วน เช่น
ใบหน้าส่วนบน (Upper Face)
- เป็นเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าช่วงบนขึ้นไป
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาบริเวณขมับ หน้าผาก คิ้ว และช่วงตา
- แผลจะซ่อนอยู่บริเวณขอบไรผมตรงช่วงหน้าผาก และขมับ
ใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face)
- เป็นเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าช่วงกลางใบหน้า
- ประกอบด้วยบริเวณตั้งแต่ใต้ตาจนถึงเหนือริมฝีปาก
- แก้ไขปัญหาของแก้ม ร่องแก้ม และโหนกแก้ม
- แผลจะซ่อนอยู่บริเวณไรผมตรงช่วงขมับจนถึงหน้าหู
ใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face)
- เป็นเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าช่วงล่างของใบหน้า
- แก้ไขปัญหาปาก-คางหรือคางตก แก้มช่วงล่างตก รวมถึงกรอบหน้าไม่ชัด
- แผลจะซ่อนอยู่บริเวณไรผมตรงช่วงขมับจนถึงหน้าหู
-
ผิวบริเวณลำคอ (Neck Lift)
- ผิวที่คอหย่อน ไม่กระชับ มีริ้วรอย มีไขมันเหนียง (Turkey Neck)
- แก้ปัญหาในช่วงตั้งแต่ใต้คางจนถึงลำคอทั้งหมด
- ลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อย ผิวบริเวณคอตึงกระชับมากขึ้น
- ซ่อนแผลอยู่บริเวณหลังหูทั้ง 2 ข้าง
เทคนิคในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้ามีกี่แบบ?
หลักๆ แล้วเทคนิคการศัลยกรรมดึงหน้าจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ เทคนิค Traditional Face Lift, เทคนิค Endoscopic Face Lift และเทคนิค Endotine ซึ่งแพทย์จะทำการเลือกวิธีการดึงหน้าให้เหมาะสมกับคนไข้ตามแต่ละปัญหา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพความอ่อนเยาว์ที่ดีที่สุด
เทคนิค Traditional Face Lift ศัลยกรรมดึงหน้าแบบดั้งเดิม
- เป็นเทคนิคการเปิดแผลบริเวณผิวหน้าชั้นบนรอบใบหน้า โดยจะเปิดแผลบริเวณหน้าหู-หลังหู ในไรผม-หน้าไรผม ซึ่งแผลจะมีขนาดใหญ่ แล้วทำการตัดผิวหนังส่วนเกิน และทำการยกกระชับให้ตึง ซึ่งจะแก้ไขได้เฉพาะปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวชั้นตื้นๆ เท่านั้น
เทคนิค Endoscopic Face Lift ศัลยกรรมดึงหน้าแบบส่องกล้อง
- เป็นเทคนิคที่พัฒนามาจากแบบดั้งเดิม โดยการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าแบบส่องกล้องแพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณขนาดเล็กเพียง 1-2 ซม. และมีบาดแผลเพียง 3-5 จุด ที่อยู่ในบริเวณหนังศีรษะ จึงไม่เกิดรอยแผลที่มองเห็นได้ จากนั้นจะใช้กล้องเอนโดสโคปสอดเข้าไปแล้วทำการผ่าแยกชั้นผิวบริเวณ SMAS ยกกระชับขึ้น ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีแผลเล็กมาก ร่วมกับการใช้เทคนิคแบบซ่อนแผล จึงสามารถฟื้นตัวได้ไว และคงความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
เทคนิค Endotine ศัลยกรรมดึงหน้าโดยใช้หมุดพิเศษ
- จริงๆ แล้ว Endotine เป็นหมุดขนาดเล็กทำจากวัสดุชนิดพิเศษที่ช่วยเสริมในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ปลอดภัยผ่านมาตรฐาน
- มักจะทำร่วมกันกับเทคนิคส่องกล้อง (Endoscopic Face Lift ) ซึ่งจะเปิดแผลขนาดเล็กมา แล้วนำ Endotine ใส่เข้าไปเพื่อยึดเกาะผิวชั้นลึก (SMAS) ให้มีขนาดพื้นที่การดึงยกกระชับที่กว้างกว่าการใช้ไหมแบบเดิมๆ ทำให้ไม่ต้องพักฟื้นระยะเวลานานๆ ผลลัพธ์อ่อนเยาว์ คงประสิทธิภาพได้นาน มีความปลอดภัยสูง และให้ความเป็นธรรมชาติ
การเตรียมตัวก่อนทำ วิธีการผ่าตัด และการดูแลตนเองหลังศัลยกรรมดึงหน้า
ข้อปฏิบัติก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift)
- แจ้งแพทย์ให้ทราบถึงประวัติการรักษาโรคประจำตัว, ยารักษาโรคประจำตัว, การแพ้ยาและอาหาร รวมถึงประวัติการผ่าตัดต่างๆ เช่น โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือดหรือโรคที่มีความผิดปกติของการหายของแผล
- งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ เครื่องดื่มมึนเมา เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดทานยาในกลุ่มแอสไพริน, ยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัว หรือเลือดออกง่าย อย่างน้อย 7-10 วัน
- งดวิตามิน อาหารเสริม และยาบำรุงต่างๆ ก่อนศัลยกรรมอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ก่อนการทำศัลยกรรมควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างมีประสิทธิภาพเป็นเวลา 8 ชั่วโมง
ขั้นตอนในการทำศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift)
- ประเมินปัญหาโดยแพทย์ เลือกวิธี และเทคนิคที่แก้ไขให้อย่างเหมาะสม
- ดมยามสลบร่วมกับวิสัญญีแพทย์ หรือฉีดยาชาเฉพาะที่ และเช็กความรู้สึกของคนไข้
- แพทย์เริ่มทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า
- เริ่มลงมือผ่าตัดแก้ไข ซึ่งปกติแล้วการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าแบบทั้งใบหน้าจะใช้เวลา 3 - 4 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำ หากผ่าตัดศัลยกรรมเฉพาะส่วนจะใช้เวลาประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้วจะทำการเย็บแผลให้เรียบเนียน ระยะเวลาทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้เอง
ข้อปฏิบัติการดูแลตนเองหลังทำศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift)
- หลังผ่าตัดทันทีจะต้องพักฟื้นที่สถานบริการเพื่อติดตามอาการภายใต้การควบคุมของแพทย์ นอนหมอนสูงในระดับจากอกให้ได้ 30 - 40 องศา หรือนอนหมอนที่สูงอย่างน้อย 2 ใบ
- สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ แต่จะต้องทานอาหารที่มีรสชาติอ่อนเป็นเวลา 1 - 2 สัปดาห์ และงดอาหารหมัก ดอง หรืออาหารทะเล เป็นต้น
- หลังผ่าตัดครบ 3 - 5 วัน สามารถสระผม แต่ควรสระที่ร้านเสริมสวยหรือซาลอนอย่างเบามือ และควรใส่ผ้ารัดศีรษะ (Facial Band) ตลอดเวลา
- ใน 4 - 5 วันแรก ใบหน้าจะบวมมาก ห้ามประคบอุ่น แต่สามารถประคบเย็นได้บ่อยตามต้องการ โดยจะต้องประคบบริเวณช่วงตา แก้มไปพร้อมๆ กัน เพื่อลดอาการบวม
- รับประทานยาประเภทต่างๆ ตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ให้ต่อเนื่องจนหมด
- รัดผ้าที่ใบหน้าเพื่อให้แผลผ่าตัดเข้าที่อย่างน้อย 7 - 10 วัน และสามารถรันต่อเนื่อง
- งดการทานอาหารเสริมในช่วง 1 - 2 เดือนแรก หลังจากนั้นสามารถทานได้ตามปกติ
- งดเครื่องดื่มมึนเมา แอลกอฮอล์ หรือการสูบบุหรี่อย่างน้อยเป็นเวลา 1 - 2 เดือน หรือถ้าไม่ทำจะส่งผลดีต่อการผ่าตัด และสุขภาพร่างกายอย่างมาก
- เมื่อครบ 1 - 2 เดือนขึ้นไป สามารถเริ่มทำเคมีเกี่ยวกับเส้นผม เช่น การย้อมสี การยืด เป็นต้น
ระยะเวลาการฟื้นตัวของการดึงหน้า
ในช่วงแรกหลังการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) ประมาณ 4 - 5 วัน หรือ 1 - 2 อาทิตย์ จะมีอาการบวมอย่างมากหรืออาการชาบริเวณใบหน้าได้ จึงจำเป็นต้องปฏิบัติภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หลังจากครบ 1 - 3 เดือนขึ้นไป แผลจะเริ่มสมานดี และเข้าที่มากขึ้น สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ และเมื่อครบ 6 - 12 เดือน จะเห็นผลการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าอย่างชัดเจน ผิวจะค่อยๆ อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้น คงประสิทธิภาพในการล็อกความอ่อนวัยให้หน้าเด็กยิ่งกว่า
การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผล แต่ก็จะได้ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และยาวนานหลายๆ ปี ในการเลือกทำจึงต้องมาพร้อมข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้อง รวมถึงคุณภาพของสถานบริการที่เชื่อถือได้อีกด้วย
ให้เรื่องสวยเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว ไม่ว่าจะฉีดหน้า เลเซอร์ ทรีตเมนต์ หรือศัลยกรรม BEAUT แอปพลิเคชันความงามน้องใหม่ก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพราะเรามาพร้อมด้วยข้อมูลแน่นๆ จากตัวจริง อีกทั้งโปรโมชั่นราคาพิเศษมากมายรอคุณอยู่ โหลดเลย!